“กระดุมทองเลื้อย….พืชปราบวัชพืช”
หน้าฝนใกล้มาแล้ว.. ปัญหาหนักที่เกษตรกรทุกคนเบื่อมาก
คือ การกำจัดวัชพืช ….
ผมมีประสบการณ์จากการไปทำข่าวที่ไร่กาแฟแห่งหนึง
ในจังหวัดนครราชสีมา มาเล่าสู่กันฟัง นั่นคือ
การปลูกกระดุมทองเลื้อย เพื่อปราบวัชพืช
เจ้าของสวนท่านบอกว่า ไร่กาแฟแห่งนี้ เคยมีปัญหาวัชพืช
แต่แรงงานไม่พอ เลยตัดปัญหา
เอาต้นกระดุมทองเลื้อยมาลงปลูก
ข้อดีของกระดุมทองเลื้อย คือ
พอแทงยอด เขาจะเลื้อยไปตามดิน ออกรากตามข้อ
แล้วแตกยอดใหม่…..
เลี้ยงไปสักระยะ ก็จะสานเป็น…ตาข่ายคลุมดิน
วัชพืชที่มีอยู่เดิมทั้งพวกใบแคบ ใบกว้าง
ก็จะถูกเลื้อยทับ แย่งพื้นที่จนตายไปเอง
ส่วนเมล็ดวัชพืชก็งอกขึ้นมาไม่ได้….
แต่เจ้าของสวนท่านบอกว่ามีข้อแม้ครับว่า
ควรปลูกกระดุมทองเลื้อยในที่แดดจัด
ทรงต้นจะได้เลื้อยเรี่ยดิน
ไม่ควรปลูกในที่ร่ม
เพราะจะทำให้ต้นสูง รก …กลายเป็นวัชพืชเสียเอง
ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ต้องตัดแต่งเขาบ้างปีละ 2 – 3 ครั้ง
เพราะต้นจะยืดยาวขึ้นได้บ้าง
และหากเลื้อยไปตามดิน จนเลยขอบเขตที่เราต้องการ
ก็ต้องตัดแต่งบ้าง….
แต่ก็ยังดีกว่าต้องกำจัดวัชพืชกันทุกเดือน
สิ้นเปลืองทั้งแรง และเวลาครับ
ที่สำคัญการปลูกพืชคลุมดินแบบนี้
เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยสงวนความชื้นในดิน …
ช่วยให้ไส้เดือนและจุลินทรีย์เจริญได้ดี
ภาษานักเกษตรเรียกว่า… “ดินไม่ตายครับ”
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ กระดุมทองเลื้อยมีชื่อสามัญ
ฝรั่งเรียกอย่างน่ารักว่า “สิงคโปร์ เดซี่” (Singapore daisy)
ดอกเหมือนต้นเดซี่ แต่ดอก ต้น ใบใหญ่กว่า …
อาจารย์ผมเคยเล่าว่า
เมื่อก่อนตอนนำเข้ามาปลูกเมืองไทยใหม่ ๆ
ขายกันต้นละ 100 บาท….
(แต่ทุกวันนี้น่าปลูกครับราคาถูกมาก ๆ)
ฝากไว้เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งในการกำจัดวัชพืชครับ….
กระดุมทอง | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ถูกจัดอันดับ: | Angiosperms |
ไม่ถูกจัดอันดับ: | Eudicots |
ไม่ถูกจัดอันดับ: | Asterids |
อันดับ: | Asterales |
วงศ์: | Asteraceae |
สกุล: | Melampodium |
สปีชีส์: | M. divaricatum |
ชื่อทวินาม | |
Melampodium divaricatum (Rich.) DC. |
|
ชื่อพ้อง | |
กระดุมทอง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Melampodium divaricatum) เป็นพืชในวงศ์ทานตะวัน ลักษณะเป็นไม้เลื้อยหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก
อายุสั้นประมาณ 2 ปี
►ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปไข่ ขนาด 1–5 × 3–10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบหรือหยักซี่ฟัน แผ่นใบมีขนสากทั้งสองด้าน
►ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอกรูปรีสีเหลือง เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2–3 เซนติเมตร โคนช่อดอกมีใบประดับรูปรีเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นนอกมีโคนเชื่อมติดกัน ส่วนชั้นในหุ้มผลไว้
►ผลเป็นแบบแห้งแตก รูปสามเหลี่ยมยอดแบน ภายในมีเมล็ดสีดำขนาดเล็ก
ถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา นิยมปลูกเป็นไม้ดอกกระถาง ไม้ประดับบนแปลง หรือเป็นไม้คลุมดิน โดยปลูกบนดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลาง แสงแดดเต็มวันหรือครึ่งวัน
สรรพคุณ
-ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต คลอเรสเตอรอล เห็นผลได้จากการวัดระดับน้ำตาลในเลือด
เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะปกติ อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในคนทั่วไป ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับระดับน้ำตาลเลือด ได้แก่
-โรคความดันโลหิตสูง
-โรคหัวใจ
-โรคเบาหวาน
วิธีทำสมุนไพรหญ้ากระดุมทอง หั่นตากแห้ง ต้มกับน้ำให้เดือดนานประมาณ ๓-๔ นาที จนน้ำมีสีเหลืองอ่อนๆ กรองน้ำชาใส่ขวดทิ้งให้เย็น แล้วแช่ตู้เย็นไว้ดื่มแทนน้ำ (ไม่ควรต้มทิ้งไว้ในหม้อเพื่อรินดื่มแต่ละครั้ง เพราะจะเกิดการหมักบูดทำให้ท้องเสียได้)
จาก https://www.google.com/search?client=firefox-b-d&q=%E0%B8%81%..
https://web.facebook.com/885342198149241/posts/1339080849442038..
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0