ประวัติ..วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่
แปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ข้อมูลพื้นฐานแปลงใหญ่ : แพะลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
- ขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย (SC) วันที่ 31 พฤษภาคม 2560
- พื้นที่แปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนัง มีพื้นที่จำนวน 5 ไร่ จำนวนกลุ่ม 6 กลุ่ม
- แพะจำนวน 2,615 ตัว
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะอำเภอหัวไทร 12 คน
- วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะอำเภอเชียรใหญ่ 12 คน
- กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเกาะเพชร จำนวน 8 คน
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงแพะชะอวดยุคใหม่ จำนวน 8 คน
- กลุ่มผู้เลี้ยงแพะปากพนังยั่งยืน 7 คน
- กลุ่มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านดอนศาสตร์ จำนวน 6 คน
- เกษตรกร 55 ราย
- Smart Farmer 23 ราย
- Smart Farmer ต้นแบบ 1 ราย
- อาสา Smart Farmer 1 ราย
- แผนยุทธศาสตร์จุดประสงค์ เป้าหมาย และความสำเร็จ จะเกิดขึ้นได้นั้นจะต้องมีแผนอย่างน้อย 5 แผน คือ
- แผนการลดต้นทุนในการผลิต
- แผนการเพิ่มผลผลิต
- แผนการเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิต
- แผนการตลาด
- แผนการบริหารองค์กร
เพื่อให้แผนทั้ง 5 มีความสามารถเดินสู่เป้าหมายและบรรลุวัตุประสงค์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ ควรมีองค์กรขับเคลื่อนเครือข่ายระดับจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม.
- จุดแข็ง (strength)– สภาพพื้นที่ทั่วไปในลุ่มน้ำปากพนังมีพืชอาหารหยาบที่เหมาะสมกับการเลื้ยงแพะ- สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศส่วนใหญ่เหมาะสำหรับการปลูกพืชอาหารสัตว์ สำหรับใช้เป็นอาหารหยาบเลี้ยงแพะได้ตลอดปี- เกษตรกรในเครือข่ายชมรมฯประมาณ70%มีความรู้พื้นฐานในการเลี้ยงแพะ- เกษตรกรประมาณ 60% ปลูกพืชอาหารสัตว์อย่างเพียงพอแก่การเลี้ยงสัตว์ในภาวะปกติ- เกษตรกรประมาณ 20%สามารถผลิตอาหารTMR.เพื่อเลี้ยงแพะของตนเองอย่างเพียงพอตลอดปี.
- จุดอ่อน (weak)– บางพื้นที่โดยเฉพาะลุ่มน้ำปากพนัง มักขาดแคลนอาหารสัตว์ในช่วงฤดูกาลน้ำท่วม(เดือนพฤศจิกายน-มกราคม) เพราะขาดอุปกรณ์ในการจัดทำเสบียงอาหารสัตว์- ขาดฟาร์มกระจายพันธุ์สำหรับผลิตพ่อ-แม่พันธุ์ที่เหมาะสมในการผลิตแพะเชิงพานิชย์ และป้องกันการผสมเลือดชิด(in-breeding)- เกษตรกร ประมาณ 30% ขาดองค์ความรู้ในการเลี้ยงและการจัดการฟาร์ม จึงไม่สามารถขยายฟาร์มและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
- โอกาส (opportunity) – ความต้องการแพะของตลาดทั้งภายในจังหวัด ต่างจังหวัดและต่างประเทศมีแนวโนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น- หากมีการบริหารจัดการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกรเป็นไปอย่างเป็นระบบและเหมาะสม นครศรีธรรมราชสามารถผลิตแพะคุณภาพสู่ตลาดอย่างเพียงพอภายใน 3-5 ปี- มีหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนของกรมปศุสัตว์และสถาบันการศึกษาในภูมิภาคพร้อมให้การสนับสนุนด้านวิชาการ
- ความเสี่ยง(threat)– การสนับสนุนและการบริหารงบประมาณ- การบังใช้กฎหมายของกรมปศุสัตว์- ความผันผวนทางการเมืองที่ผลต่อสภาพคล่องของผู้บริโภคภายในและภายนอกประเทศ…ด้านการบริหารจัดการวัตถุประสงค์ : – เพื่อให้สมาชิกมีความสามารถในการเพิ่มการผลิตให้สอดคล้องกับ การขยายตัวของตลาดเป้าหมาย
- จัดตั้งวิสาหกิจผู้เลี้ยงแพะลุ่มน้ำปากพนัง
- มีคณะกรรมการรับผิดชอบแผนงานทั้ง 5 แผน
- มีการประเมินผลการดำเนินงาน ปีละ 2 ครั้ง
- ประชุมคณะกรรมการวิสาหกิจเดือนละ 1 ครั้ง
5.มีการประชุมกลุ่มย่อยเดือนละ 1 ครั้ง
6.มีคณะกรรมการร่วมกำหนดยุทธศาสตร์แพะจังหวัดนครศรีธรรมราช
7.ใช้ Application ในการเชื่อมต่อฐานข้อมูล
ระเบียบข้อบังคับวิสาหกิจแพะแปลงใหญ่ลุ่มน้ำปากพนัง
หมวดที่ 1
ความทั่วไป
ข้อที่ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบข้อบังคับวิสาหกิจแพะแปลงใหญ่ลุ่มน้ำปากพนัง
ข้อที่ 2 คำว่าสมาชิก หมายถึง ผู้เลี้ยงแพะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งสมัครเป็นสมาชิกในโครงการแพะแปลงใหญ่ลุ่มน้ำปากพนัง
ข้อที่ 3 สำนักงานที่ทำการเครือข่าย บ้านเลขที่ 10 หมู่ 10 ตำบลเขาพังไกร อำเภอหัวไทร
จังหวัดนครศรีธรรมราช
หมวดที่ 2
วัตถุประสงค์ของวิสาหกิจ
ข้อที่ 4 วัตถุประสงค์ในการตั้งวิสาหกิจประกอบด้วย
4.1 เพื่อปรับปรุงพันธุ์แพะให้มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับใช้เลี้ยงเชิงพาณิชย์
4.2 เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงแพะ
4.3 เพื่อความสามัคคีในกลุ่มบุคคลที่มีอาชีพเดียวกัน
4.4 เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เสริมจากอาชีพการเลี้ยงแพะ
4.5 เพื่อแสวงหาเงินทุนสำหรับสมาชิกในการพัฒนาอาชีพการแพะเลี้ยง
หมวดที่ 3
แหล่งที่มาของเงินทุน
ข้อที่ 5 แหล่งที่มาของเงินทุนของกลุ่ม
5.1 เงินสัจจะออมทรัพย์จากสมาชิกเดือนละ 100 บาท ต่อคน
5.2 เงินค่าสมัครเป็นสมาชิกและเงินค่าธรรมเนียมแรกเข้าเป็นสมาชิก
5.3 เงินสนับสนุนจากรัฐและภาคเอกชน
หมวดที่ 4
คุณสมบัติของสมาชิก
ข้อที่ 6 บุคคลที่เป็นสมาชิกกลุ่มจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
6.1 เป็นผู้เลี้ยงแพะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง หรืออำเภอใกล้เคียงลุ่มน้ำปากพนัง
6.2 มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
6.3 เลี้ยงแพะอยู่แล้วโดยมีแม่พันธุ์แพะอย่างน้อย 10 ตัว และมีโรงเรือนในการเลี้ยง
6.4 ไม่เคยเสียประวัติในการรวมกลุ่ม
6.5 ไม่ติดการพนัน
6.6 ไม่ติดยาเสพติด
หมวดที่ 5
รับสมาชิกใหม่
ข้อที่ 7 การรับสมาชิกใหม่
7.1 วิสาหกิจเปิดรับสมาชิกใหม่ในวันประชุมประจำเดือน เดือนแรกของปี
7.2 ผู้ที่จะสมัครสมาชิกต้องเข้าใจระเบียบข้อบังคับของกลุ่มและมั่นใจว่า
สามารถปฏิบัติตามระเบียบของกลุ่มได้ด้วยความสมัครใจ
7.3 ก่อนสมัครเป็นสมาชิกต้องเข้าร่วมประชุมประจำเดือนกับสมาชิกเก่า 2 ครั้งติดต่อกัน
7.4 ต้องได้รับรองจากสมาชิกเก่าอย่างน้อย 3 คน
7.5 ผู้ที่จะเป็นสมาชิกต้องมาสมัครด้วยตนเอง
7.6 สมาชิกแรกเข้าต้องชำระเงินค่าธรรมเนียม 150 บาท
และเงินสัจจะออมทรัพย์ 100 บาท
หมวดที่ 6
การพ้นสภาพการเป็นสมาชิก
ข้อที่ 8 สมาชิกภาพของสมาชิกจะสิ้นสุดลงเมื่อ
8.1 ไม่สามารถรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับวิสาหกิจ
8.2 ในรอบหนึ่งปีส่งเงินสัจจะออมทรัพย์ไม่ตรงตามกำหนด 2 ครั้ง ติดต่อกัน
8.3 ในรอบหนึ่งปีขาดประชุมโดยไม่ทราบสาเหตุรวม 2 ครั้ง
8.4 คณะกรรมการ 2 ใน 3 มีมติให้ออก
8.5 ตาย
8.6 ลาออก
หมวดที่ 7
การถอนเงินสัจจะออมทรัพย์
ข้อที่ 9 สมาชิกสามารถถอนเงินสัจจะออมทรัพย์ได้ภายใต้เงื่อนไขดังนี้ คือ
9.1 สมาชิกที่ประสงค์จะถอนเงินสัจจะออมทรัพย์ต้องแจ้งความจำนงในถอน
ด้วยตนเองให้คณะกรรมการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
9.2 สมาชิกที่ประสงค์จะถอนเงินสัจจะออมทรัพย์ต้องไม่มีพันธะทางการเงิน
อื่นใดกับวิสาหกิจ
9.3 สมาชิกที่ขาดคุณสมบัติตามความในหมวดที่ 6 ข้อ 8.1 – 8.5 จะไม่ได้รับ
สิทธิใด ๆ ทั้งสิ้นยกเว้นการถอนเงินสัจจะออมทรัพย์
หมวดที่ 8
การประชุมวิสาหกิจ
ข้อที่ 10 การประชุม
10.1 วิสาหกิจประชุมกรรมการเดือนละ 1 ครั้ง
10.2 วิสาหกิจประชุมสมาชิก 3 เดือน / ครั้ง และการประชุมครั้งสุดท้ายของปีให้ถือเป็นการประชุม ใหญ่สามัญประจำปีนั้น ๆ
10.3 ในกรณีที่สมาชิกท่านใดไม่สามารถประชุมได้เพราะเหตุติดประชุมหน่วยราชการหรือหน่วยเอกชนที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับวิสาหกิจ ให้ถือว่าสมาชิกท่านนั้นไม่ได้ขาดหรือลาการประชุม
10.4 ในกรณีที่สมาชิกไม่สามารถมาประชุมด้วยตนเองได้เนื่องจากมีเหตุจำเป็น
สามารถให้ตัวแทนซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวมาประชุมแทนได้ แต่ไม่ สามารถลงมติใดๆ ได้
10.5 ในกรณีที่จะต้องลงมติประเด็นใดประเด็นหนึ่งให้ใช้หลักประชาธิปไตย เว้นแต่ระเบียบข้อบังคับที่กำหนดให้เป็นอย่างอื่น
หมวดที่ 9
คณะกรรมการบริหารวิสาหกิจ
ข้อที่ 11 คณะกรรมการบริหารวิสาหกิจมีอย่างน้อย 17 คน อย่างมากไม่เกิน 24 คน ประกอบด้วย
11.1 ประธานกรรมการ
11.2 รองประธานกรรมการ
11.3 กรรมการผู้จัดการ
11.4 นายทะเบียน
11.5 เหรัญญิก
11.6 ประชาสัมพันธ์
11.7 การตลาด
11.8 ส่วนที่เหลือเป็นกรรมการ
ข้อที่ 12 กรรมการคนหนึ่งอาจรับหน้าที่มากกว่าหนึ่งหน้าที่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
ข้อที่ 13 วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ
13.1คณะกรรมการอยู่ในวาระ คราวละ 2 ปี
13.2 ในกรณีที่กรรมการออกทั้งคณะก่อนครบวาระจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง
ใหม่ภายใน 30 วัน
13.3 ในกรณีที่กรรมการคนหนึ่งคนใดออกก่อนครบวาระมีระยะเวลาไม่ถึง
60 วัน ไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม
13.4 เมื่อหมดวาระลงคณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการ
ชุดใหม่ภายใน 30 วัน
ข้อที่ 14 คุณสมบัติของคณะกรรมการ
14.1 เป็นสมาชิกกลุ่มอย่างน้อย 1 ปี
14.2 ได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากสมาชิก
ข้อที่ 15 การพ้นสภาพของคณะกรรมการ
15.1 ตาย
15.2 ลาออก
15.3 ขาดประชุม 2 ครั้ง / ปี
15.4 สมาชิกไม่น้อยกว่าครึ่งเข้าชื่อถอดถอน
หมวดที่ 10
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
ข้อที่ 16 อำนาจหน้าที่ของประธานกรรมการ
16.1 ร่วมกับคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของ
วิสาหกิจ
16.2 ร่วมกับคณะกรรมการบริหารแผนพัฒนาวิสาหกิจ
16.3 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมสมาชิก
16.4 ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมกรรมการ
16.5 มีอำนาจในการเสนอชื่อที่ปรึกษาวิสาหกิจให้สมาชิกพิจารณาแต่งตั้ง
16.6 มีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการส่วนต่าง ๆ ของวิสาหกิจ
16.7 ติดต่อประสานงานกับหน่วยราชการ องค์กรอื่นๆและชุมชน
ข้อที่ 17 อำนาจหน้าที่ของรองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการทำหน้าที่แทน
ประธานตามที่ได้รับมอบหมาย
ข้อที่ 18 อำนาจหน้าที่ของเหรัญญิกวิสาหกิจ
18.1 จัดทำเอกสารายรับรายจ่ายของวิสาหกิจ
18.2 จัดเก็บรักษาเงินของวิสาหกิจ
18.3 จัดทำงบดุลประจำปีและรายงานฐานะทางการเงินของวิสาหกิจ
18.4 เก็บรักษาเงินวิสาหกิจเป็นเงินสดได้ไม่เกิน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาท)
ส่วนที่เกิน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ให้นำฝากธนาคารในบัญชีของวิสาหกิจ
ข้อที่ 19 อำนาจหน้าที่ของเลขานุการวิสาหกิจ
19.1 จดการประชุมของวิสาหกิจ
19.2 จัดทำหนังสือเอกสารและรายงานการประชุมของวิสาหกิจเพื่อแจ้งสมาชิกทราบ
ข้อที่ 20 อำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนวิสาหกิจ
20.1 จัดทำทะเบียนประวัติของสมาชิก
20.2 จัดรวบรวมและจำแนกประชากรแพะภายในวิสาหกิจให้เป็นปัจจุบัน
ข้อที่ 21 อำนาจหน้าที่ของฝ่ายตลาดวิสาหกิจ
21.1 ประสานงานกับฝ่ายการตลาดของชมรมแพะนครศรีธรรมราช
21.2 ประสานงานกับพ่อค้าแพะทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด
21.3 ประสานงานกับฝ่ายทะเบียนวิสาหกิจเพื่อนวางแผนทางการตลาด
ข้อที่ 22 อำนาจหน้าที่ของฝ่ายประชาสัมพันธ์วิสาหกิจ
เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารของวิสาหกิจไปสู่สมาชิกและประชาชนทั่วไป
ข้อที่ 23 อำนาจหน้าที่ของผู้จัดการแปลงใหญ่คือ บริหารจัดการภารกิจตามที่คณะกรรมการ
มอบและรายงานความกว้าหน้าของภารกิจให้มอบหมายที่ประชุมคณะกรรมการทราบ
หมวดที่ 11
การปล่อยเงินกู้ของ
ข้อที่ 24 วิสาหกิจสามารถนำเงินรายได้ของเครือข่ายจากหมวดที่ 3 ให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อนำไปพัฒนาอาชีพการเลี้ยงแพะเท่านั้น การกู้และการค้ำประกันเงินกู้และการชำระเงินกู้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของเงินแต่ละประเภททั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการได้กำหนดขึ้น
หมวดที่ 12
การแก้ไขระเบียบข้อบังคับวิสาหกิจ
ข้อที่ 25 ระเบียบข้อบังคับของวิสาหกิจสามารถปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของ
วิสาหกิจได้โดย
25.1 คณะกรรมการ 3 ใน 5 เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข
25.2 สมาชิก 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข
25.3 การเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ระเบียบข้อบังคับนี้ก็ต่อเมื่อระเบียบข้อบังคับ
ฉบับเดิมบังคับใช้แล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
25.4 ระเบียบข้อบังคับกลุ่มที่แก้ไขแล้วจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อได้รับความ
เห็นชอบจากที่ประชุมสมาชิก
ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ประกาศใช้ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2561
นายศักรินทร์ สมัยสง
ประธานวิสาหกิจแพะแปลงใหญ่ลุ่มน้ำปากพนัง.
-