ตดหมูตดหมา..พืชอายุวัฒนะ ขับลม แก้ท้องอืด ขับพยาธิ ฯ
วงศ์ RUBIACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ Paederia linearis Hook.f.
ชื่อสามัญ
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ กระพังโหม, จมูกปลาหลด, จมูกปลาไหลดง, กระเตียวเผือ, ผักใหม, เครือไส้ปลาไหล, ตดหมูตดหมา,
ตำยานตัวผู้ เครือตดหมา (นครราชสีมา), หญ้าตดหมา (ภาคเหนือ), พังโหม (ภาคกลาง), ย่านพาโหม (ภาคใต้), ตดหมูตดหมา, หญ้าตดหมูตดหมา ..
หมายเหตุ : ตดหมูตดหมาที่กล่าวถึงในบทความนี้ เป็นพรรณไม้คนละชนิดกับหญ้าตดหมา (Paederia pilifera Hook.f.) และเถาตดหมา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเลื้อยประเภทล้มลุก ลำต้นมีขนาดเล็ก ลำต้นและใบมียางสีขาว ขยี้ดมจะมีกลิ่นเหม็น
ใบเป็นใบเดี่ยว รูปเรียวยาวหรือรูปหอกออกเป็นคู่ตรงข้าม ใบสีเขียว เนื้อในบาง ก้านใบสั้น เส้นใบโค้งจรดกันที่ใกล้ๆขอบใบ
ดอกออกเป็นช่อ ตรงซอกใบ หรือโคนก้านกลีบปลายแยกกัน กลีบด้านนอกสีขาว กลีบด้านในสีม่วงแดงหรือสีชมพูประด้วยสีม่วงจุดสี น้ำตาล เป็นฝักยาวสีเขียว
จัดเป็นไม้เถาขนาดเล็ก มีกลิ่นเหม็นเขียวเฉพาะและมียาวสีขาวทั้งต้น เจริญเติบโตแบบไม้เลื้อยเนื้ออ่อน ลำต้นเป็นสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.8-5 เซนติเมตร ก้านใบ กิ่งอ่อน ก้านช่อดอก และผลมีขนสั้น ๆ ปกคลุมอยู่หนาแน่น
เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย แสงแดดจัด ทนแล้งได้ดี พบขึ้นทั่วไปในที่รกร้าง ในป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะตามป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง และป่าที่กำลังคืนสภาพที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 400-800 เมตร
ประโยชน์ด้านอาหาร ชาวใต้นำไปซอยละเอียดเป็นผักที่ใช้ผสมปรุงเป็นข้าวยำ ใบนำมาชุบแป้งทอด เจียวไข่ ส่วนดอกมีการรับประทานสดเป็นผักในบางท้องที่แต่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ยอดอ่อนใบอ่อน และดอกรับประทานเป็นผัก ออกยอดมากในช่วงฤดูฝน การปรุงอาหารคนโบราณใช้น้ำคั้นจากเถาและใบ มาผสมปรุงเป็นขนมขี้หนูช่วยทำให้ขนมขี้หนูเป็นสีเขียว
ชาวเหนือ, ชาวอีสานและชาวใต้รับประทานยอดอ่อนและใบอ่อนเป็นผักสด ร่วมกับน้ำพริกชาวอีสานรับประทานร่วมกับลาบก้อย
สรรพคุณทางยา
เถาและใบ ใช้ตำคั้นเอาน้ำกิน ช่วยขับลมในท้อง, แก้จุกเสียด
ทั้งต้นแก้ตานร่วง ใบแก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด
ราก ฝนหยอดตา แก้ตาซาง ตาแฉะตามัว
●ทั้งต้นมีรสขม สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ (ทั้งต้น)
●ใบมีรสขม ใช้ทำเป็นอาหารบำรุงกำลังคนฟื้นไข้หรือคนชราได้ (ใบ)
●ใบนำมาตำพอกเวลาปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะจะดีขึ้น (ใบ)
●ช่วยแก้ตัวร้อน (ทั้งต้น)
●ใช้เป็นยาถอนพิษเหล้า ยาสูบ และพิษจากอาหาร (ทั้งต้น)
●รากมีรสขมเย็น ใช้ฝนหยอดตา แก้ตาฟาง ตาแฉะ (ราก) ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าให้ใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ตาฟาง ตาแฉะ ตามัว (ราก)
●ผลและใบใช้เป็นยาแก้อาการปวดฟัน (ใบ,ผล)
●ใช้แก้อาการอักเสบที่คอและปาก (ยอดอ่อน)
●รากใช้ต้มกับน้ำดื่มจะช่วยทำให้อาเจียน (ราก)
●ช่วยขับลม (ทั้งต้น) ยอดและเถาใช้ผสมในตำรับยาแก้ท้องอืด ยาขับลมในลำไส้ บำรุงธาตุ แก้เจ็บท้อง จุกเสียด แน่นท้อง แก้นิ่ว (ยอดและเถา)
●ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย (ทั้งต้น)
●ใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ (ยอดอ่อน)
●ช่วยขับพยาธิไส้เดือน (ทั้งต้น)
●รากใช้ฝาทาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
●ใบใช้เป็นยาแก้เริม แก้ปวดแสบปวดร้อน (ใบ)
●ทั้งต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ (ทั้งต้น)
●ช่วยแก้พิษงู (ใบ)
●ใช้เป็นยาขับน้ำนมของสตรี (ยอดอ่อน)
●นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วว่ารากมีสรรพคุณแก้โรคตานขโมย รักษาดีซ่าน แก้ท้องเสีย ลำไส้พิการ แก้อาการจุกเสียด ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย (ราก), เถามีสรรพคุณแก้ธาตุพิการ เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ซาง ตานขโมย แก้ไข้ ตัวร้อน รักษารำมะนาด ท้องเสีย ช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับพยาธิ แก้ดีรั่ว ใช้ทาแผลที่ถูกงูกัด ช่วยถอนพิษงู (เถา), ใบมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ แก้ธาตุพิการ แก้ตานซาง แก้ตัวร้อน ไข้จับสั่น แก้รำมะนาด เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับพยาธิไส้เดือน แก้ดีรั่ว แก้อาการคัน (ใบ), ดอกมีสรรพคุณแก้ไข้จับสั่น ช่วยขับน้ำนม (ดอก), ผลมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้จับสั่น หืดไอ แก้มองคร่อ แก้ท้องมาน แก้ริดสีดวง (ผล), นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้สัมประชวร แก้เสมหะ แก้ฟกบวมในท้อง และช่วยบำรุงธาตุไฟ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้) (ข้อมูลจากเว็บไซต์ทองไทยแลนด์)
เพาะขยายพันธุ์ เพาะเมล็ดและการปักชำ
ขอบคุณ https://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php
https://medthai.com/%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B8%..
https://sites.google.com/a/kkn.ac.th/phuchphanthu/pha-hom