ภาครัฐฯเร่งแก้ปัญหา “ราคาปาล์มตกต่ำ” อย่างต่อเนื่อง..อาจส่งผลต่อค่าไฟฟ้าเอฟที(3/5/2562)
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเร่งด่วนในวันนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มดิบตกต่ำ โดยย้ำนโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนปาล์มน้ำมัน เนื่องจากราคาตกต่ำ จากสภาพอากาศร้อนจัดส่งผลปาล์มสุกเร็ว ผลผลิตปาล์มดิบออกสู่ตลาดมากจนล้นกำลังสกัดจากโรงสกัดที่มีอยู่
พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมาย กฟผ. นำแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 200,000 ตัน ไปผลิตกระแสไฟฟ้าใน 3 เดือน โดยเร่งจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัด ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดในเดือนพฤษภาคมจำนวน 100,000 ตัน เพื่อช่วยกระตุกราคาขึ้น โดยมีเป้าหมายจะดันราคาผลปาล์มดิบให้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมทั้งให้ปตท. เร่งเข้ามาจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลบี 20 และประสานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระตุ้นและส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลบี 20 ขอให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงเกษตรฯ นำแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยเร่งติดตามขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งระบบให้มีผลทันที
รวมทั้งให้ประสานลดราคาปุ๋ยแก่เกษตรกร และส่งเสริมการบริโภคน้ำมันปาล์ม พร้อมทั้งให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับการสายพันธุ์ปาล์ม การเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งการดูแลช่วยเหลือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการเกษตร ทั้งนี้เร่งนำข้อสรุปจากการประชุมที่ได้ข้อยุติเสนอ ครม.ใน 7 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ กฟผ.จะรับซื้อนำมันปาล์มดิบ 200,000 ตัน แบ่งเป็นการรับซื้อในเดือน พฤษภาคมนี้ 100,000 ตัน และเดือนมิถุนายนอีก 100,000 ตัน โดยรับซื้อในราคาตลาด เพื่อหวังลดปริมาณซีพีโอและดึงราคาผลปาล์มที่ตกต่ำขึ้นมาเร็วสุด อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการรับซื้อครั้งนี้ให้เป็นงบประมาณของ กฟผ. ที่ให้นำมาคำนวณรวมเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ เอฟที ไม่ใช่รูปแบบเดิม ที่ก่อนหน้านี้ กฟผ.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ในราคา 18 บาท/กิโลกรัม
โดยโรงงานที่เข้าร่วมโครงการต้องรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรในราคา 3.24 บาท/กิโลกรัม (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18%) ผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 ซึ่งที่ไม่กระทบค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน
..เงินส่วนหนึ่งมาจากเงินกองทุนส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งเป็นงบฯ 829 ล้านบาทรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) โดยเรื่องนี้ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้พิจารณาต้นทุนว่าจะกระทบค่าไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด โดยเบื้องต้น ต้นทุนการขนส่งและสตอกซีพีโอนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 90 สตางค์/กิโลกรัม
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เดือนเมษายน บางจากฯ ได้ร่วมช่วยเหลือโดยเปิดปั๊มจำหน่วยบี 20 ไปแล้วถึง 120 แห่ง พบว่า ทางผู้ใช้กระบะและรถบรรทุกได้ตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหากกระทรวงพลังงาน ยืดระยะเวลาเพิ่มส่วนต่างระหว่างบี 20 และบี 7 ในอัตรา 5 บาท/ลิตร ต่อไปจากกำหนดเดิมจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก็คาดว่าจะทำให้ช่วยเหลือชาวสวนปาล์มได้ดีขึ้น
นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีโออาร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีปั๊มที่ เปิดขายบี 20 ไปแล้วถึง 30 แห่ง และในการดูดซับปาล์ม ขณะนี้ มีการรับซื้อ B100 มาเก็บสำรองไว้รวมกว่า 100 ล้านลิตร โดยหากค่ายรถยนต์ให้การรับรองการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของ B100 ในสัดส่วนที่สูงขึ้น จะทำให้ผู้ใช้รถเกิดความมั่นใจและมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของ B100 ในปริมาณสูงขึ้นด้วย
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ช่วงมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมามีผลผลิตออกมามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงร้อยละ 30 เป็นเหตุให้ราคาผลปาล์มไม่ขยับขึ้น ทั้งที่ภาครัฐออกมาตรการระบายน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในพลังงานไฟฟ้าแล้ว และขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังดูดซับผลผลิตไปทำเป็นพลังงาน โดยนำไปทำเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 จากการติดตามเบื้องต้นพบปริมาณการใช้ B20 เพิ่มขึ้น จากเดิมเดือนละ 10 ล้านลิตร ปัจจุบันเพิ่มเป็นเดือนละ 20 ล้านลิตร แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายของกระทรวงพลังงาน
ราคาปาล์มน้ำมันขณะนี้ อยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะราคาล่าสุดสัปดาห์นี้จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1.82 บาทและเป็นราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีที่ราคาเฉลี่ยมกราคม 2.46 บาท เป็น 2.53 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนกุมภาพันธ์และลดลงเหลือ 2.17 บาทเดือนมีนาคม เมษายนเหลือเพียง 1.91 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาปาล์มดิบเฉลี่ยปีที่แล้วอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.11 บาท
ส่วนราคาน้ำมันปาล์มสำเร็จรูป บรรจุถุงไม่มียี่ห้อกิโลกรัมละ 24-25 บาท ส่วนบรรจุขวดขนาด 1 ลิตรราคาอยู่ที่ 25-32 บาท.
ที่มา -สำนักข่าวไทย