27 สิงหาคม 2561 “รมช.ยักษ์ ประกาศเลิกใช้ 3 สารพิษทันที ไม่ใช่ลดใช้เท่านั้น เร่งตั้งคณะเฉพาะกิจศึกษาผลเสียรอบด้าน ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการฯที่นายกฯตั้งภายใน 30 วัน”
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ว่า รัฐบาลนี้ตั้งใจผลักดันให้เกิดพื้นที่เกษตรอินทรีย์เป้าหมาย 5 ล้านไร่ หากตนทำไม่ได้ก็พร้อมลาออก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัดเจนว่าเรื่องสุขภาพของประชาชนต้องมาก่อน ได้กำหนดกลุ่มคนเป้าหมายที่ได้รับอาหารบริโภคที่ผลผลิตจากวัตถุดิบอินทรีย์ ปลอดภัยไม่มีสารพิษ การใช้ปุ๋ยยาจากสารเคมี โดยเฉพาะเด็กนักเรียน 12 ล้านคนทั่วประเทศ ต้องกินอาหารไม่มีสารพิษ แม้แต่ไนโตเจนในปุ๋ยก็ห้ามเพราะมีผลต่อการพัฒนาสมองไอคิวเด็ก
เรื่องสุขภาพเด็กสำคัญที่สุดต้องได้รับดูแลไม่อย่างนั้นประเทศไทยไม่รอด และกลุ่มคนเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล 7 ล้านรายต่อวัน กลุ่มสามร้านอาหารทุกแห่งต้องการใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่มีมาตรฐานปลอดภัยของไทยรับรองเองด้วยเกษตรกร ทำความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานของต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว มาไทยต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน..
รมช.เกษตรฯกล่าวว่าสำหรับปัญหาสารพิษ 3 ชนิด พาราควอต คอร์ไพริฟอส ไกลโฟรเซต จุดยืนของตนไม่มีคำว่าลด หรือควบคุมการใช้ ต้องเลิกใช้เท่านั้น การตัดสินใจแบนสารพิษภายในเวลาเท่าไหร่ อยู่ที่คณะกรรมการศึกษาผลกระทบ ที่นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน โดยนายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นให้มาศึกษา ภายใน 60 วันรวมทั้งผมได้ตั้งทำงานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งมีนายธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯเป็นประธาน
พร้อมด้วยนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อ.ภาควิชาประสาทวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ เป็นคณะทำงาน มาศึกษาเรื่องสารพิษ หาข้อมูลอย่างรอบด้านครบถ้วน ภายใน 30 วันเพื่อเสนอคณะกรรมการฯที่นายกฯตั้งขึ้น ผมมีความเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจคณะกรรมการชุดนี้ รวมถึงจะพิจาณาผลกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งมีกรรมการในบอร์ดใหญ่ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายบางคนบอกว่าถ้าแบนสาร3ชนิดเกษตรกรไม่มีสารเคมีใช้ จะเจ๊ง ส่วนผมอยากให้เลิกทันที แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรรมการเฉพาะกิจ
นายแพทย์ธีระวัฒน์ กล่าวว่าคนเป็นแพทย์รักษาคนไข้ รับรู้แต่เพียงปลายทางว่าสารพิษเหล่านี้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย ตนอยู่กับคนป่วย เกษตรกรเจ็บป่วยจากสารเคมีมากว่า 40 ปี เห็นคนไข้ต้องถูกตัดแขนตัดขา ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่าไม่อันตราย ต่อไปจะนำคนไข้ที่ต้องถูกตัดแขนตัดขา เป็นโรคเนื้อเน่า มาส่งตัดที่กระทรวงเกษตรฯเพราะคนเป็นแพทย์บอกว่าสารพิษเป็นอันตราย แต่ที่นี่บอกให้ใช้ได้ก็ต้องรับผิดชอบความเจ็บป่วยของไทย..
ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรอันดับ 58 ของโลก นำเข้าสารเหล่านี้อันดับ5ของโลก มูลค่านำเข้า 3 หมื่นกว่าล้านบาทแต่สร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดได้ถึง8เท่า เราคงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงปฎิรูปประเทศไม่ได้ เพราะมีความเห็นวิปลาส ไม่รับข้อมูลทางวิชาการ แตกต่างจากประเทศอื่นๆอย่างสิ้นเชิง คณะกรรมการชุดต่างๆเห็นย้อนแย้งกันหมด
ผมไม่แคร์หัวโขนต่าง ๆ พ่อผมเป็นอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผมเคยรู้จักคนที่มาเป็นกรรมการชุดต่าง ๆ ดี ผมไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง สิ่งผมทำพยายามปลุกคนไทยให้ลุกขึ้นฟ้องร้องค่าเสียหาย กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่บอกไม่อันตราย ผมส่งสมุดปกขาวให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย บอกแหล่งผลิตการเกษตรเกือบทุกจังหวัดที่พบการป่นเปื้อนสารพิษ แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องไม่เคยตรวจเจอ ถ้าเจอก็น้อยมาก
ขณะนี้มีปรากฎการณ์คนไทยมี 8 เพศสภาพ เพราะการเหนี่ยวนำของสารไปสู่สมองไปปิดกั้นการพัฒนาในจุดที่ควรพัฒนาความเป็นชาย เป็นหญิง จะพบว่าผู้ชายน่ารักบอบบางมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งเด็กๆจะพบว่ามีปัญหาไอคิวต่ำลง คนป่วยล้นโรงพบาบาล หน้าที่ผมรักษาชีวิตคนผมทำวิจัยมา 40 ปีเห็นคนไข้ตายมาเป็นร้อยเป็นพัน นายกรัฐมนตรี จะให้ผมพูดกี่ครั้งให้แล้วฟังไหมว่าสารเหล่านี้เป็นอันตราย จะตั้งกรรมการขึ้นมาหาความเป็นกลางเพื่ออะไรอีก เพราะพวกท่านก็จะบอกว่าอันตรายน้อยมาก..
ผมยืนยันว่าอันตรายมาก ต้องเลิกโดยเร็ว และมาตรการควบคุมเกษตรกร ลดการใช้ ขอให้เลิกคิดเถอะพวกวิปลาสเอาติดคุกยึดทรัพย์ให้หมด แล้วเกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้เพราะเขาก็อยากให้ลูกหลานเขามีอนาคต ผมเจอ อ.ยักษ์ ทำงานเกษตรอินทรีย์มา 30 ปี ท่านรักในหลวง ร.9 เดินตามรอย ในหลวง ร.10 ก็มีพระราชดำรัส ให้ทุกหน่วยงานตามแนวในหลวง ร.9 แต่คนที่ใส่เสื้อออกมาร้องเพลง ผมท้าคนไหน แน่จริงทำตามพระองค์ได้จริงแล้วประเทศไทยจะเจริญ.
ที่มา คมชัดลึก