06.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าถ้ำว่า ในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมาได้มีรถเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรถพยาบาลจากหลายพื้นที่ขึ้นมาจอดสแตนบายจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีก
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า หลังจากนี้จะห้ามสื่อทุกสำนักข่าว ไม่ให้ขึ้นมาประจำทำข่าวบริเวณปากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนในทุกกรณี รวมทั้งให้นักข่าวขนอุปกรณ์ลงจากบริเวณนี้ให้หมด โดยจะให้นักข่าวย้ายไปอยู่ที่จุดประจำการ อบต.โป่งผา ซึ่งห่างจากปากถ้ำถึง 2 กิโลเมตร รวมทั้งผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ออกนอกพื้นที่ หากฝ่าฝืน จะมีความผิด
ซึ่งหลังจากสิ้นเสียงประกาศบรรดากลุ่มนักข่าวต่างพร้อมใจกันเดินมาสอบถามเจ้าหน้าที่ บริเวณปากถ้ำ โดยเจ้าหน้าที่ได้เพียงแต่บอกว่า เป็นคำสั่งของท่านผู้ว่าฯ ใครที่จะเข้ามาในพื้นที่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากท่านผู้ว่าฯ เท่านั้น โดยกลุ่มนักข่าวต่างยืนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการไม่อนุญาตให้นักข่าวขึ้นมาทำข่าว คาดว่าอาจเป็นการเตรียมการนำ 13 ชีวิตออกมาจาก ถ้ำหลวง ในไม่ช้านี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 17.00 น. ทีมหมูป่าชุดแรกได้ดำน้ำออกมาถึงโถง 3 โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าประเมินสุขภาพ และจากนั้น จะต้องเดินเท้าออกมา โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในการเดินทางออกมาถึงปากถ้ำ..
คนที่ 1 มาถึงปากถ้ำ เวลา 17.37 น. แล้วถูกนำตัวส่ง รพ.สนาม เพื่อตรวจร่างกาย
หมูป่าคนที่ 2 ออกมาถึงปากถ้ำ เจ้าหน้าที่ รับตัวเพื่อส่งไป โรงพยาบาลสนาม…
สำนักข่าว สปริงนิวส์ รายงานว่า เด็กคนที่ออกมาจากถ้ำหลวงเป็นคนแรกคือ น้องมาร์ค มงคล บุญเปี่ยม อายุ 13 ปี ซึ่งขณะนี้ได้ถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลเชียงรายฯ แล้ว
ขณะที่ สำนักข่าวไทย รายงานเหตุการณ์สดภาพบรรยากาศขณะเฮลิคอปเตอร์นำตัวเด็ก ๆ คนที่ 1-2 หรือตามรหัส หมู 1 หมู 2 ไปส่งโรงพยาบาลเชียงรายฯ
ทั้งนี้มีการปิดถนนตั้งแต่ 15.00 น. บริเวณแยกหลังโรงพยาบาลไปถึงแยกสันโค้งน้อย เพื่อลำเลียงเด็ก ๆ ทีมหมูป่าที่ออกจากถ้ำไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก สำนักข่าว สปริงนิวส์
ที่มา https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1314961